THG คาดการตรวจคัดกรอง และดูแลรักษาผู้ป่วย COVID-19 ช่วยหนุนผลประกอบการไตรมาส 2

บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป หรือ THG คาดผลการดำเนินงานมีโอกาสฟื้นตัวในไตรมาส 2 จากคนไข้ที่เข้าใช้บริการตรวจหาเชื้อ COVID-19 เพิ่มขึ้นและมีรายได้จากการดูแลรักษาผู้ป่วยที่เข้าพักรักษาตัวใน Hospitel เพื่อรองรับคนไข้ที่ไม่แสดงอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย

นายแพทย์ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG ผู้นำธุรกิจดูแลสุขภาพอย่างครบวงจรและบริการที่มีคุณภาพด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ภายใต้แนวคิด ‘ดูแลคุณในทุกช่วงชีวิต’ (Lifetime Health Guardian For All) เปิดเผยว่า คาดการณ์ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 2 จะมีโอกาสปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสแรกที่ผ่านมา เนื่องจากโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง และโรงพยาบาลธนบุรี 2 มีปริมาณคนไข้ที่เข้ารับบริการตรวจคัดกรองหาเชื้อ COVID-19 เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากหลังเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่  

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้จากการให้บริการดูแลรักษาคนไข้ COVID-19 ที่เข้าพักรักษาตัวในหอผู้ป่วยเฉพาะกิจหรือ Hospitel (ฮอสพิเทล) หลังจากได้ร่วมมือกับโรงแรม พูลแมน กรุงเทพฯ แกรนด์ สุขุมวิท (อโศก) และโรงแรมไอบิส กรุงเทพฯ อิมแพ็ค ปรับรูปแบบห้องพักในโรงแรมมาเป็นห้องผู้ป่วยชั่วคราวในรูปแบบ Hospitel เพื่อรองรับคนไข้ที่ยังไม่แสดงอาการหรือแสดงอาการเล็กน้อย สามารถเข้าพักรักษาตัวได้อย่างทันท่วงที

ทั้งนี้ สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,566 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีผลขาดทุน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และต้นทุนทางการเงิน โดยโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ได้รับผลกระทบจากการปิดประเทศ ส่งผลให้ผู้ป่วยต่างชาติไม่สามารถเดินทางมาประเทศไทยเพื่อเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลได้ อีกทั้งโครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ ก็ได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ทำให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อห้องชุด นอกจากนี้โรงพยาบาล Ar Yu International Hospital ในเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ที่แม้จะให้บริการได้ตามปกติและยังมีผู้ป่วยเข้าใช้บริการ แต่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ทำให้ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน

“แม้ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่บริษัทฯ ยังมีกระแสเงินสดที่ดีและฐานะการเงินที่เข้มแข็ง โดยหากพิจารณาภาพรวมทั้งกลุ่มบริษัทฯ ยังมีกำไรในระดับ EBITDA (กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย) ซึ่งผลขาดทุนเกิดจากค่าเสื่อมและดอกเบี้ยเป็นหลัก บริษัทฯ ต้องคงความสามารถในการแข่งขันไว้ให้ได้ ด้วยความพร้อมในการปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คงกระแสเงินสดให้เพียงพอ และควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ” นายแพทย์ธนาธิป กล่าว